พระกษัตริย์ พระองค์ที่ ๙
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นรัชกาลที่มีปัญหาไม่น้อยในประวัติศาสตร์พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) พระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม และพระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ไม่ได้กล่าวถึงรัชกาลนี้ไว้ ขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับ พระราชหัตถเลขาไม่ได้กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ แต่กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระ อินทราชาธิราชที่ ๒ เช่นเดียวกับพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตที่กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระ อินทราชา อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า รัชกาลสมเด็จพระอินทราชาธิราชที่ ๒ นั้นที่ถูกควรเรียกว่า รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ส่วนชื่ออินทราชานั้นเป็นพระนามของพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แต่คง สิ้นพระชนม์ในการสู้รบเมื่อคราวที่พระเจ้าติโลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่ยกทัพมาตีเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖
พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นไปเสวยราชย์ที่เมืองพิษณุโลกเพื่อตั้งรับทัพพระเจ้าติโลกราชเจ้าเมือง เชียงใหม่ และพระยายุทธิษเฐียรเจ้าเมืองเชลียงที่ยกทัพมาตีสุโขทัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร ทรง ให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชเป็นกษัตริย์ครองที่อยุธยา ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวอาณาจักรอยุธยาจึง เสมือนมีกษัตริย์ ๒ พระองค์คือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถปกครองเมืองพิษณุโลกองค์หนึ่ง และ สมเด็จพระบรมราชาธิราชครองพระนครศรีอยุธยาอีกพระองค์หนึ่ง การมีกษัตริย์ ๒ พระองค์ปกครอง พร้อมกันนี้ดำเนินต่อมาถึง พ.ศ. ๒๐๓๑ เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จสวรรคตที่พิษณุโลก สมเด็จพระบรมราชาธิราชจึงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียว พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวง ประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระองค์ครองราชย์ต่อมาอีก ๓ ปีและเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. ๒๐๓๔ ดังนั้นถ้าหากจะนับช่วงเวลาครองราชย์จริงของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ โดยไม่นับ ช่วงที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถยังคงมีอำนาจอยู่ที่พิษณุโลกคือ ๓ ปีระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๑ - พ.ศ. ๒๐๓๔
พระราชประวัติของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารแต่ละฉบับ ไม่สอดคล้องกันนัก พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) พระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาฉบับสมเด็จพระพนรัตน์และพระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติช มิวเซียมระบุว่า
พ.ศ. ๑๙๙๗ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระราชโอรส
พ.ศ. ๒๐๐๙ พระบรมราชาผู้เป็นพระราชโอรสทรงผนวช
พ.ศ. ๒๐๑๐ สมเด็จพระราชโอรสเจ้าลาผนวชและตั้งเป็นพระมหาอุปราช
พ.ศ. ๒๐๑๓ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคต
พ.ศ. ๒๐๑๖ สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒
ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระราชโอรสทรงพระนามว่าบรมราชา ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แต่ช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ. ๒๐๑๓ - พ.ศ. ๒๐๑๖ ก่อนได้ขึ้นครองราชย์สมเด็จพระบรมราชาทรงทำอะไรไม่มีข้อมูลแน่ชัด รวมทั้งไม่ได้ กล่าวถึงการที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นไปครองราชย์ที่พิษณุโลก และมีกษัตริย์อีกองค์ปกครอง ที่พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ช่วงเวลาต่างๆดูสับสนต่างจากพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับ หลวงประเสริฐอักษรนิติ์เช่น เรื่องปีสวรรคตของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ฯลฯ
เมื่อพิจารณาพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์อย่างละเอียดก็จะพบว่า ไม่มีเนื้อความตอนใดกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนของสมเด็จพระบรมราชาและสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นักวิชาการบางคนเห็นว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ น่าจะเป็นพระอนุชาสมเด็จพระ บรมไตรโลกนาถ โดยยกข้อมูลจากพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ตอนที่กล่าว ถึงเหตุการณ์พ.ศ. ๒๐๒๗ ที่ว่า “สมเด็จพระเชถถาทีราชเจ้าแลสมเด็จพระราชโอรสสมเด็จพระบรม ราชาทีราชเจ้าทรงพระผนวชทั้ง ๒ พระองค์” ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่สมเด็จพระเชษฐาธิราชพระ ราชโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถที่ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๐๑๕ ตามข้อมูลพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์จะผนวชพร้อมกันกับพระนัดดา (ในกรณีที่สมเด็จพระ บรมราชาธิราชเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) อย่างไรก็ดีนักวิชาการส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เช่นเดียวกับสมเด็จพระเชษฐาธิราช แต่คงจะมีอายุต่างกันมาก สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่าน่าจะมีอายุต่างกัน ๒๐ ปีขึ้นไป สมเด็จพระเชษฐาธิราชนี้ใน พ.ศ. ๒๐๒๘ ได้รับการ สถาปนาเป็นพระมหาอุปราช แต่ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าเป็นมหาอุปราชเฉพาะหัวเมืองเหนือหรือทั่ว ราชอาณาจักร และใน พ.ศ. ๒๐๓๔ หลังจากสมเด็จพระบรมราชาธิราชเสด็จสวรรคตแล้วได้ขึ้น เสวยราชสมบัติที่พระนครศรีอยุธยา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถยิ่งอีกพระองค์หนึ่ง พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลว่าในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถราว พ.ศ. ๒๐๓๑ เสด็จไปตีเมืองทวาย ส่วนพระราชกรณียกิจก่อนหน้านี้ที่มีการกล่าวถึงไว้คือ การเสด็จไปวังช้างที่ตำบลไทรย้อยใน พ.ศ. ๒๐๒๖ และที่ตำบลสำฤทธ์บุรณใน พ.ศ. ๒๐๒๙ เมื่อเป็น กษัตริย์อย่างสมบูรณ์แล้ว พระราชกรณียกิจที่สำคัญคือการก่อกำแพงเมืองพิชัยใน พ.ศ. ๒๐๓๓
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. ๒๐๓๔ ส่วนพระราชโอรสของ พระองค์ที่ผนวชพร้อมกับสมเด็จพระเชษฐาธิราชใน พ.ศ. ๒๐๒๗ ไม่ได้รับการกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารอีกเลย
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นรัชกาลที่มีปัญหาไม่น้อยในประวัติศาสตร์พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) พระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม และพระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ไม่ได้กล่าวถึงรัชกาลนี้ไว้ ขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับ พระราชหัตถเลขาไม่ได้กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ แต่กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระ อินทราชาธิราชที่ ๒ เช่นเดียวกับพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตที่กล่าวถึงรัชกาลสมเด็จพระ อินทราชา อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า รัชกาลสมเด็จพระอินทราชาธิราชที่ ๒ นั้นที่ถูกควรเรียกว่า รัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ส่วนชื่ออินทราชานั้นเป็นพระนามของพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แต่คง สิ้นพระชนม์ในการสู้รบเมื่อคราวที่พระเจ้าติโลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่ยกทัพมาตีเมืองสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖
พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นไปเสวยราชย์ที่เมืองพิษณุโลกเพื่อตั้งรับทัพพระเจ้าติโลกราชเจ้าเมือง เชียงใหม่ และพระยายุทธิษเฐียรเจ้าเมืองเชลียงที่ยกทัพมาตีสุโขทัย พิษณุโลก และกำแพงเพชร ทรง ให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชเป็นกษัตริย์ครองที่อยุธยา ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวอาณาจักรอยุธยาจึง เสมือนมีกษัตริย์ ๒ พระองค์คือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถปกครองเมืองพิษณุโลกองค์หนึ่ง และ สมเด็จพระบรมราชาธิราชครองพระนครศรีอยุธยาอีกพระองค์หนึ่ง การมีกษัตริย์ ๒ พระองค์ปกครอง พร้อมกันนี้ดำเนินต่อมาถึง พ.ศ. ๒๐๓๑ เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จสวรรคตที่พิษณุโลก สมเด็จพระบรมราชาธิราชจึงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียว พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวง ประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระองค์ครองราชย์ต่อมาอีก ๓ ปีและเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. ๒๐๓๔ ดังนั้นถ้าหากจะนับช่วงเวลาครองราชย์จริงของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ โดยไม่นับ ช่วงที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถยังคงมีอำนาจอยู่ที่พิษณุโลกคือ ๓ ปีระหว่าง พ.ศ. ๒๐๓๑ - พ.ศ. ๒๐๓๔ พระราชประวัติของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารแต่ละฉบับ ไม่สอดคล้องกันนัก พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) พระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาฉบับสมเด็จพระพนรัตน์และพระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติช มิวเซียมระบุว่า พ.ศ. ๑๙๙๗ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระราชโอรส พ.ศ. ๒๐๐๙ พระบรมราชาผู้เป็นพระราชโอรสทรงผนวช พ.ศ. ๒๐๑๐ สมเด็จพระราชโอรสเจ้าลาผนวชและตั้งเป็นพระมหาอุปราช พ.ศ. ๒๐๑๓ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคต พ.ศ. ๒๐๑๖ สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระราชโอรสทรงพระนามว่าบรมราชา ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แต่ช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ. ๒๐๑๓ - พ.ศ. ๒๐๑๖ ก่อนได้ขึ้นครองราชย์สมเด็จพระบรมราชาทรงทำอะไรไม่มีข้อมูลแน่ชัด รวมทั้งไม่ได้ กล่าวถึงการที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นไปครองราชย์ที่พิษณุโลก และมีกษัตริย์อีกองค์ปกครอง ที่พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ช่วงเวลาต่างๆดูสับสนต่างจากพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับ หลวงประเสริฐอักษรนิติ์เช่น เรื่องปีสวรรคตของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ฯลฯ เมื่อพิจารณาพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์อย่างละเอียดก็จะพบว่า ไม่มีเนื้อความตอนใดกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนของสมเด็จพระบรมราชาและสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นักวิชาการบางคนเห็นว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ น่าจะเป็นพระอนุชาสมเด็จพระ บรมไตรโลกนาถ โดยยกข้อมูลจากพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ตอนที่กล่าว ถึงเหตุการณ์พ.ศ. ๒๐๒๗ ที่ว่า “สมเด็จพระเชถถาทีราชเจ้าแลสมเด็จพระราชโอรสสมเด็จพระบรม ราชาทีราชเจ้าทรงพระผนวชทั้ง ๒ พระองค์” ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่สมเด็จพระเชษฐาธิราชพระ ราชโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถที่ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๐๑๕ ตามข้อมูลพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์จะผนวชพร้อมกันกับพระนัดดา (ในกรณีที่สมเด็จพระ บรมราชาธิราชเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) อย่างไรก็ดีนักวิชาการส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เช่นเดียวกับสมเด็จพระเชษฐาธิราช แต่คงจะมีอายุต่างกันมาก สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่าน่าจะมีอายุต่างกัน ๒๐ ปีขึ้นไป สมเด็จพระเชษฐาธิราชนี้ใน พ.ศ. ๒๐๒๘ ได้รับการ สถาปนาเป็นพระมหาอุปราช แต่ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าเป็นมหาอุปราชเฉพาะหัวเมืองเหนือหรือทั่ว ราชอาณาจักร และใน พ.ศ. ๒๐๓๔ หลังจากสมเด็จพระบรมราชาธิราชเสด็จสวรรคตแล้วได้ขึ้น เสวยราชสมบัติที่พระนครศรีอยุธยา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถยิ่งอีกพระองค์หนึ่ง พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ให้ข้อมูลว่าในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถราว พ.ศ. ๒๐๓๑ เสด็จไปตีเมืองทวาย ส่วนพระราชกรณียกิจก่อนหน้านี้ที่มีการกล่าวถึงไว้คือ การเสด็จไปวังช้างที่ตำบลไทรย้อยใน พ.ศ. ๒๐๒๖ และที่ตำบลสำฤทธ์บุรณใน พ.ศ. ๒๐๒๙ เมื่อเป็น กษัตริย์อย่างสมบูรณ์แล้ว พระราชกรณียกิจที่สำคัญคือการก่อกำแพงเมืองพิชัยใน พ.ศ. ๒๐๓๓ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. ๒๐๓๔ ส่วนพระราชโอรสของ พระองค์ที่ผนวชพร้อมกับสมเด็จพระเชษฐาธิราชใน พ.ศ. ๒๐๒๗ ไม่ได้รับการกล่าวถึงในพระราชพงศาวดารอีกเลย | ||