พระกษัตริย์ พระองค์ที่ ๒๒
สมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๒๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรง ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๗๑ - พ.ศ. ๒๑๗๒ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มี พระอนุชาคือพระอาทิตยวงศ
พระราชพงศาวดารระบุเหตุการณ์ตอนสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมสวรรคตไว้ว่า เมื่อพระเจ้า ทรงธรรมสวรรคต เสนาพราหมณ์ทั้งหลายโดยมีออกญากลาโหมสุริยวงศ์เป็นประธานได้พร้อมใจกัน เลือกพระราชโอรสองค์โตในพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อน ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ขณะที่มีพระชนมายุได้ ๑๕ พรรษา แต่อยู่มาเพียง ๗ วัน พระศรีศิลป์ผู้เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็พิโรธว่า เหล่าเสนามนตรีไม่ยอมยกราชบัลลังก์ให้พระองค์ พระองค์จึงทรงหลบหนีไปเมืองเพชรบุรีเพื่อซ่องสุม กองกำลัง ต่อเมื่อสมเด็จพระเชษฐาธิราชทรงทราบความก็โปรดให้แต่งทัพออกไปสู้รบโดยสามารถ พระศรีศิลป์ถูกจับกุม นำองค์ไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยาตามโบราณราชประเพณี
ครั้นอยู่มา ๔ เดือนเศษ มารดาของออกญากลาโหมสุริยวงศ์ถึงแก่กรรม มีข้าราชการทั้งหลาย ทั้งปวงในราชสำนักออกไปช่วยงานเป็นจำนวนมาก ข้าหลวงเดิมของพระเจ้าอยู่หัวจึงไปกราบทูล สมเด็จพระเชษฐาธิราชว่าออกญากลาโหมอาจจะก่อกบฏ โดยรวบรวมกองกำลังไพร่พลเอาไว้มาก พระเจ้าอยู่หัวโปรดให้ทหารไปนำตัวออกญากลาโหมเข้ามา แต่จมื่นสรรเพธภักดีซึ่งเป็นขุนนางฝ่าย ออกญากลาโหมนำความออกไปแจ้งให้ทราบก่อน เมื่อเป็นดังนั้นออกญากลาโหมจึงเห็นว่าการต่างๆ ที่ได้ทำลงไปนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เห็นความดีความชอบ จึงคิดที่จะชิงราชบัลลังก์ โดยมีขุนนางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
สมเด็จพระเชษฐาธิราชไม่ทรงได้ทันระวังองค์เมื่อเห็นกองกำลังของออกญากลาโหมบุกเข้ามาใน พระราชวัง จึงทรงหลบหนีไปกับพวกข้าหลวงเดิม เมื่อเจ้าออกญากลาโหมทราบความก็สั่งให้พระยา เดโช พระยาท้ายน้ำตามไปจับกุมตัว ตามไปทันที่ป่าโมกน้อย แล้วนำพระองค์ไปสำเร็จโทษ
สมเด็จพระเชษฐาธิราชครองราชย์ได้ ๑ ปี ๗ เดือน ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารไทย แต่ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตว่าครองราชย์ได้ ๘ เดือนเท่านั้น
สมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๒๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรง ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๗๑ - พ.ศ. ๒๑๗๒ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มี พระอนุชาคือพระอาทิตยวงศ
พระราชพงศาวดารระบุเหตุการณ์ตอนสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมสวรรคตไว้ว่า เมื่อพระเจ้า ทรงธรรมสวรรคต เสนาพราหมณ์ทั้งหลายโดยมีออกญากลาโหมสุริยวงศ์เป็นประธานได้พร้อมใจกัน เลือกพระราชโอรสองค์โตในพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อน ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ขณะที่มีพระชนมายุได้ ๑๕ พรรษา แต่อยู่มาเพียง ๗ วัน พระศรีศิลป์ผู้เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็พิโรธว่า เหล่าเสนามนตรีไม่ยอมยกราชบัลลังก์ให้พระองค์ พระองค์จึงทรงหลบหนีไปเมืองเพชรบุรีเพื่อซ่องสุม กองกำลัง ต่อเมื่อสมเด็จพระเชษฐาธิราชทรงทราบความก็โปรดให้แต่งทัพออกไปสู้รบโดยสามารถ พระศรีศิลป์ถูกจับกุม นำองค์ไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยาตามโบราณราชประเพณี ครั้นอยู่มา ๔ เดือนเศษ มารดาของออกญากลาโหมสุริยวงศ์ถึงแก่กรรม มีข้าราชการทั้งหลาย ทั้งปวงในราชสำนักออกไปช่วยงานเป็นจำนวนมาก ข้าหลวงเดิมของพระเจ้าอยู่หัวจึงไปกราบทูล สมเด็จพระเชษฐาธิราชว่าออกญากลาโหมอาจจะก่อกบฏ โดยรวบรวมกองกำลังไพร่พลเอาไว้มาก พระเจ้าอยู่หัวโปรดให้ทหารไปนำตัวออกญากลาโหมเข้ามา แต่จมื่นสรรเพธภักดีซึ่งเป็นขุนนางฝ่าย ออกญากลาโหมนำความออกไปแจ้งให้ทราบก่อน เมื่อเป็นดังนั้นออกญากลาโหมจึงเห็นว่าการต่างๆ ที่ได้ทำลงไปนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เห็นความดีความชอบ จึงคิดที่จะชิงราชบัลลังก์ โดยมีขุนนางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระเชษฐาธิราชไม่ทรงได้ทันระวังองค์เมื่อเห็นกองกำลังของออกญากลาโหมบุกเข้ามาใน พระราชวัง จึงทรงหลบหนีไปกับพวกข้าหลวงเดิม เมื่อเจ้าออกญากลาโหมทราบความก็สั่งให้พระยา เดโช พระยาท้ายน้ำตามไปจับกุมตัว ตามไปทันที่ป่าโมกน้อย แล้วนำพระองค์ไปสำเร็จโทษ สมเด็จพระเชษฐาธิราชครองราชย์ได้ ๑ ปี ๗ เดือน ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารไทย แต่ พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตว่าครองราชย์ได้ ๘ เดือนเท่านั้น | ||